มืดมาสว่างไป และ สว่างมามืดไป หมายความว่าอย่างไร
๑) มืดมาสว่างไป
มืดมาสว่างไป หมายความว่า ผู้ที่เกิดมาชาตินี้มีสติปัญญาน้อย มีฐานะยากจน มีรูปร่างหน้าตาไม่สวยงาม มีความเป็นอยู่ที่ทุกข์ยากลำบาก เพราะกรรมไม่ดีในอดีตชาติส่งผล ต่อมาเมื่ออายุมากขึ้นได้รับการอบรม สั่งสอนจากพ่อแม่ หรือครูบาอาจารย์ ที่เรียกว่า “สัตบุรุษ” ท่านสอนให้รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี ให้รู้เหตุ รู้ผล ว่าเหตุใดที่ทำให้เราเกิดทุกข์ ก็จงหยุดสร้างเหตุนั้นเสีย เหตุใดที่ทำให้เรามีความสุขก็ให้สร้างเหตุนั้นต่อไป ท่านสอนให้เรารู้ว่าเราเกิดในชาติตระกูลใด ต้องวางตัวให้เหมาะสม เช่น เกิดในชาติตระกูลที่มียศถาบรรดาศักดิ์ ก็ต้องประพฤติตนให้เป็นคนดีไม่ให้เสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ถ้าเราเกิดในตระกูลที่ยากจน เราจะต้องเจียมตัวเจียมใจ ไม่ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน กับผู้ที่มียศศักดิ์สูงกว่า ท่านสอนให้รู้จักประมาณในการใช้จ่ายทรัพย์ให้สมควรแก่ฐานะ ดังคำที่ว่า “ มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน ” เราต้องรู้จักประมาณในการรับประทานอาหารให้พอควร ไม่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เป็นต้น ท่านสอนให้เรารู้จักกาลเวลา ว่าเวลาไหนควรวางตนอย่างไร ให้ถูกกับกาลเทศะ เพื่อให้เหมาะสมกับเวลา และสถานที่นั้น ๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานศพ เป็นต้น ควรจะวางตัว และแสดงกริยา วาจาอย่างไรที่ดี ที่เหมาะสมให้เกิดการสร้างสรรค์ ไม่ควรแสดงกริยา วาจา ที่ไม่ดีเพื่อทำลายผู้อื่นให้เสียการงาน ท่านสอนให้รู้จักชุมชน ว่าชุมชนใด มีความเป็นอยู่ที่ดี มีความรักมีความสามัคคีกลมเกลียว มีศีลธรรมประจำใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เราควรที่จะเข้าไปร่วมคบค้าสมาคมกับชุมชนนั้น
ส่วนชุมชนใด ที่มั่วสุมอบายมุข มีการเล่นการพนัน ดื่มสุรา เสพสิ่งเสพติด ลักเล็กขโมยน้อย ไม่มีความสามัคคี เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เราไม่ควรที่จะเข้าร่วมคบค้าสมาคมกับชุมชนนั้น ท่านสอนให้เรารู้จักเลือกคบคนที่ควรคบ คบแต่คนที่ดีมีปัญญา มีศีลมีธรรมประจำใจ มีคุณธรรมสูง ชอบช่วยเหลือเผื่อแผ่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า ให้ได้มีโอกาสดีขึ้น คนที่เราไม่ควรคบค้าสมาคมด้วย คือคนที่ไม่มีศีลธรรมประจำใจ เห็นแก่ตัวชอบเบียดเบียนและรังแกผู้อื่น ชอบหาความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ชอบเล่นการพนัน ดื่มสุรา เสพยาเสพติด เป็นต้น เพราะจะนำความเสื่อมเสียมาให้ ผู้ใดที่ได้รับฟังคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้ง ๗ ข้อนี้ ที่เรียกว่า สัปปุริสธรรม หรือ ธรรมของสัตบุรุษ แล้วเข้าใจ และปฏิบัติตามได้ ผู้นั้นก็จะเป็นคนดี มีปัญญาหรือมีความรู้มากขึ้น สามารถที่จะดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ละชั่วประพฤติดี มี ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นที่ตั้ง ในชาตินี้ เขาจะเป็นคนดี มีคนเคารพนับถือมากมาย เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ไปเกิดในชาติหน้า เขาก็จะเป็นคนมีปัญญา มีทรัพย์ และมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม นี่คือ ความหมายของคำว่า มืดมาสว่างไป
๒) สว่างมา มืดไป
สว่างมามืดไป หมายความว่า คนที่เกิดมาชาตินี้ มีฐานะดี มีรูปร่างหน้าตาดี มียศถาบรรดาศักดิ์ มีปัญญาทางโลกดี เพราะผลแห่งกรรมดี ในอดีตชาติ ส่งมาให้เรามีความเป็นอยู่ที่ดี อยากทำอะไร อยากรับประทานอะไร อยากไปไหน อยากพูดอะไร อยากได้อะไรก็ต้องได้ ตามที่ตนปรารถนาทุกอย่าง ใช้ชีวิตประจำวันด้วยความลุ่มหลง มัวเมา ในการใช้ทรัพย์สินเงินทอง ในทางที่ผิดครรลองคลองธรรม ผิดกฎหมายบ้านเมือง หลงในยศถาบรรดาศักดิ์ใช้อำนาจในทางที่ผิดกฎหมายและครรลองคลองธรรม หลงในรูปร่างหน้าตาว่า หล่อ ว่าสวย จนลืม ความแก่ ความตาย หลงในความรู้ความสามารถว่าตนได้เรียนมาก คิดว่าตนเองเก่งกว่าผู้อื่น หลงในชาติตระกูลว่าสูงส่ง มีชื่อเสียงในสังคม ทำความชั่วแล้วไม่ต้องรับผิด ไม่ต้องรับโทษใด ๆ ดูถูกเหยียดหยามผู้ที่ด้อยกว่า เป็นต้น เขาใช้ชีวิตประจำวันอย่างประมาท ลุ่มหลง มัวเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่คิดที่จะสร้างความดี ตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เชื่อเรื่อง กฎแห่งกรรม ไม่เชื่อว่าทำดี ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เพราะเขาเห็นว่า เขาเกิดมามีทุกสิ่งทุกอย่าง อำนวยความสะดวกให้เขามีความสุข ไม่เห็นต้องสร้าง ต้องทำอะไรเลย คิดว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะติดตัวตามตนไปอีกในชาติหน้า
เขาไม่รู้ว่าที่เขาเกิดมารวยมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย เป็นเพราะการให้ทานมามากในอดีตชาติ เขามีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม เพราะนำศีลมารักษากาย วาจามากในอดีตชาติ และมีความรู้ มีสติปัญญามาก เพราะมีสมาธิในการเรียนการศึกษาวิชาการทางโลกมามาก ในอดีตชาติ ในชาตินี้เขามัวเพลิด เพลินอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ตลอดชีวิต ไม่คิดที่จะให้ทาน ไม่คิดที่จะนำศีลมารักษากาย วาจา ให้สะอาด ไม่คิดที่จะฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ ไม่คิดที่จะศึกษาพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เกิดปัญญาความรู้ ให้เห็นสัจธรรม เห็นความจริงว่า มนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ มีสุข ทุกข์ต่างกันเพราะเหตุใด มีอะไรที่ติดตัวตามตนไปได้ในชาติหน้าบ้างเมื่อสิ้นชีวิต ในเมื่อเขาไม่ได้สร้างกรรมดี สร้างแต่กรรมชั่ว กรรมชั่วก็จะติดตัวตามตน เขาไปในชาติหน้า เมื่อเขาไปเกิดเป็นมนุษย์อีก เขาจะเป็นคนไร้ทรัพย์สินเงินทอง เขาจะเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาที่ไม่สวย งาม และมีสติปัญญาน้อย จะไม่มีความสุขเหมือนในชาตินี้ จะได้รับแต่ความทุกข์ทรมานทั้งกาย และใจ ตลอดชีวิต นี่คือ ความหมายของคำว่า สว่างมา มืดไป
ขอท่านทั้งหลาย จงพิจารณาดูตัวเองเถิดว่าท่านกำลังเป็นคนประเภทใด มืดมาสว่างไป หรือ สว่างมามืดไป ท่านเท่านั้นที่เป็นผู้รู้ ด้วยความหวังดี