http://www.porjarearntum.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 ติดต่อเรา

สถิติ

เปิดเว็บ05/04/2009
อัพเดท06/09/2022
ผู้เข้าชม712,213
เปิดเพจ963,711

บริการ

หน้าแรก
บทความ
เว็บบอร์ด
รวมรูปภาพ
ติดต่อเรา

บทกลอนธรรมะ

จูงมือลูกเดิน

ระลึกได้และรู้ตัวหมายความว่าอย่างไร

รัตนะ ๓ หมายความว่าอย่างไร

อันตรายของภิกษุ สามเณร ผู้บวชใหม่ ๔ อย่าง

ความจริงอันประเสริฐที่ควรรู้ ๔ ประการ

ธรรมะอันทำให้งาม มี ๒ ประการ

ธรรมคุ้มครองโลก

เสียงเทศน์ทำใหม่ล่าสุด

วงล้อแห่งพระธรรมที่นำไปสู่ความเจริญ ๔ อย่าง

ทุจริต ๓ หมายความว่าอย่างไร

สุจริต ๓ หมายความว่าอย่างไร

วิธีที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ๓ ประการ หมายความว่าอย่างไร

คุณของรัตนะ ๓ หมายความว่าอย่างไร

ท่านเป็นมนุษย์ปุถุชนประเภทใด

มูลเหตุของความโง่เขลา

มูลเหตุของความฉลาด

ท่านรู้จักตนเองว่ามีกิเลสหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างไร

ท่านรู้จักมนุษย์ ๔ ประเภทหรือยัง ?

คิดดี พูดดี ทำดี

ความสุข ความทุกข์ ความสบาย แตกต่างกันอย่างไร

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ

ฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบและเกิดปัญญา

ศาสนาคืออะไร

ป่วยกาย ป่วยใจ หมายความว่าอย่างไร

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ (เนื้อหา)

ทำความดีเพื่ออะไร

คุณธรรม ๕ ประการ สนับสนุนความสำเร็จ

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หมายความว่าอย่างไร

ศีล ในพระพุทธศาสนา ๒๒๗ ข้อ ภาคภาษาไทย อ่านแล้วเข้าใจง่าย

ปัจจัย ๔ รูปธรรม และ ปัจจัย ๔ นามธรรม

มนุษย์ เป็นโรค ๔ อย่าง บ้า ใบ้ บอด หนวก

ละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาปหมายความว่าอย่างไร

ระวังจิต ระวังอารมณ์ หมายความว่าอย่างไร

สิ่งที่ไม่เป็นอนิจจัง สิ่งที่ไม่เป็นทุกขัง สิ่งที่ไม่เป็นอนัตตา มีจริงหรือไม่

จิตสงบ จิตว่าง แตกต่างกันอย่างไร

อยากรู้ อยากห็น อยากเป็น อยากไป หมายความว่าอย่างไร

มืดมามืดไป และสว่างมาสว่างไป หมายความว่าอย่างไร

สิ่งที่มีมาก ทำให้น้อยลง สิ่งที่มีอยู่ทำให้หมดไป

ความเห็นแก่ตัว กับการรักตัวเอง

ท่านพบเห็นเมืองพอแล้วหรือยัง

การทำความชั่วเพราะเหตุ ๔ ประการ

รู้จด รู้จำ รู้แจ้ง หมายความว่าอย่างไร

สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน ฟังธรรมเป็นยาฉีด จริงหรือ

ผู้ที่ไม่แต่งงาน จะตกนรก จริงหรือไม่

มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ

ก็ต้อง ก็ได้ ก็ดี หมายความว่าอย่างไร

บันใด ๘ ขั้นสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น

งามทั้ง กาย วาจา ใจ

ผู้ที่ฝีกสมาธินาน ๆ ไม่เกิดปัญญาเพราะเหตุใด

คิดอย่างไรจึงไม่เกิดทุกข์

จิตใต้สำนึก

คุณธรรมพื้นฐาน ๘ ประการ

ทำใจ หมายความว่าอย่างไร

ประเพณีงานศพที่ถูกต้อง... เหตุใดจึงต้องเผาศพ...

ความเบื่อของปุถุชนกับความเบื่อของพระอริยะ

พระราชดำรัส คุณธรรม ๔ ประการ(เนื้อหา)

มีสิ่งใด สิ่งนั้นก็เสื่อม

บวชเพื่ออะไร

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจริงหรือ

ทุกข์และวิธีปฏิบัติให้ถึงซึ่งความพ้นทุกข์

บุคคลที่หาได้ยาก ความกตัญญูกตเวที

การฝึกสมาธิเพื่อให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ผิดหรือถูก...

ความหวัง

มืดมาสว่างไป สว่างมามืดไป หมายความว่าอย่างไร

ผู้ที่ขัดขวางการปฏิบัติธรรม มีโทษอย่างไร

แผ่นพับธรรมะ

ธรรมคุ้มครองโลก


ธรรมคุ้มครองโลกมี ๒ ประการ

 

            ๑. หิริ  คือ ความละอายต่อบาป

            ๒.โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป

            ๑.หิริ คือความละอายต่อบาป หมายถึงความละอายใจต่อบาปที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง รู้ว่าบาป คือความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ซึ่งเกิดจากการทำความชั่ว ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ของตนเอง ไม่กล้าคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้อื่น ไม่กล้าทำความชั่ว เพราะมีความละอายใจต่อบาป ที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง จึงคิดดี พูดดี ทำดีเสมอ เพราะมีคุณธรรม ประจำใจ  คือมีหิริ ความละอายต่อบาปคุ้มครองจิตใจ จึงเป็นคนดี  มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย  ไม่มีความทุกข์กาย  ทุกข์ใจ

            ส่วนผู้ที่ขาดหิริ หมายถึงผู้ที่ไม่มีความละอายใจต่อบาป คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังผู้อื่นก็ตาม ไม่เคยคำนึงถึงความทุกข์กาย ทุกข์ใจที่จะเกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น บางคนต่อหน้าผู้อื่น ไม่กล้าทำความชั่ว เพราะอายและกลัวคนจะตำหนิว่าเป็นคนชั่ว แต่พอลับหลังผู้อื่น ก็สามารถทำชั่วได้ทุกอย่าง  เพราะขาดคุณธรรมประจำใจ คือขาดหิริ   ไม่มีความละอายใจต่อบาป   จึงมีแต่ความทุกข์กาย ทุกข์ใจตลอดเวลา 

            ๒.โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป หมายถึงความเกรงกลัวโทษ กลัวความทุกข์ ที่จะเกิดขึ้น จากการทำความชั่วทางกาย  ทางวาจา  ทางใจ  ตัวอย่างเช่น ถ้าทำผิดกฎหมายก็จะได้รับโทษปรับหรือจำคุกหรือประหารชีวิต ตามความผิดที่กฎหมายกำหนดโทษไว้ ถ้าทำผิดครรลองคลองธรรม ก็จะถูกตำหนิติเตียนว่าเป็นคนขาดคุณธรรม จริยธรรม ขาดศีลขาดธรรมประจำใจ ถ้าทำผิดจารีตประเพณี ก็จะทำให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ถูกประณาม หยามเหยียด เป็นต้น

          นี่คือโทษที่จะได้รับ เพราะขาดคุณธรรมในข้อนี้ คือขาดโอตตัปปะ ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป ต่อทุกข์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเองในชาตินี้และชาติต่อ ๆไป

          สำหรับผู้ที่มีคุณธรรม มีโอตตัปปะ คือความเกรงกลัวต่อบาป หมายถึงผู้ที่เชื่อในพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า และเข้าใจในกฎแห่งกรรม เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ว่าจะทำความดีทางกาย วาจา ใจก็ดี หรือจะทำความชั่วด้วยกาย วาจา ใจก็ตาม รู้ว่ากรรมดีหรือกรรมชั่วส่งผลให้ผู้ที่ประกอบกรรมนั้น ได้รับในชาตินี้และชาติต่อ ๆไป
ผู้ที่มีคุณธรรม โอตตัปปะจะไม่กล้าทำความชั่ว เพราะกลัวบาป กลัวโทษ  กลัวทุกข์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง  จึงพยายามทำความดีเสมอ เรียกว่ามีสติ มีปัญญารักษาตนให้พ้นภัย

          ส่วนผู้ที่ขาดคุณธรรม หิริ โอตตัปปะ จะไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว  จึงไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาปสามารถทำความชั่วได้ทุกอย่าง เนื่องจากไม่มีหิริ โอตตัปปะ ตลอดชีวิตจึงมีแต่ความทุกข์ เพราะไม่มีคุณธรรมทั้ง ๒ ประการนี้ คุ้มครองจิตใจ ตัวอย่างเช่น พระภิกษุ สามเณรที่ขาดหิริ โอตตัปปะสามารถทำผิดพระธรรมพระวินัย ผิดครรลองคลองธรรม ผิดจารีตประเพณี ผิดกฎหมาย เพราะเป็นทาสของกิเลส คือความหลง ความโลภ ความโกรธ จะไม่มีความละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป เช่นมีความหลงพอใจรักใคร่ ในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ หลงในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข  ก็จะไขว่คว้าหาสิ่งที่ต้องการ โดยไม่คำนึงว่าจะผิดศีล  ผิดธรรม หรือผิดกฎหมาย เมื่อได้สิ่งที่ต้องการมาแล้วก็ไม่มีความพอเพียง กลับมีความโลภ ต้องการจะได้ทุกอย่างให้มากยิ่งขึ้น ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อไม่ได้ตามความต้องการก็เกิดความโกรธ ความอาฆาต พยาบาท เกิดความอิจฉา ริษยากันขึ้น ดังที่มีอยู่ในหมู่พระภิกษุ สามเณรทั่วไปในปัจจุบัน  พระภิกษุ สามเณรดังกล่าวมานี้จะมีแต่ความทุกข์หาความสุขไม่ได้เลยในการบวช เพราะขาดคุณธรรมในข้อนี้ คือขาดหิริ โอตตัปปะ  คุ้มครองจิตใจ

          ส่วนพระภิกษุ สามเณรใดที่มีคุณธรรม คือหิริ โอตตัปปะประจำใจ ถึงแม้จะมีกิเลสทั้งสามอย่าง อันมีความหลง ความโลภ ความโกรธ อยู่ในจิตใจเหมือนกัน แต่มีคุณธรรมประจำใจ มีหิริ โอตตัปปะ ความละอายต่อบาป ความเกรงกลัวต่อบาป คุ้มครองจิตใจอยู่  จึงสามารถยับยั้งกิเลสไว้ได้  ไม่พากาย วาจา ใจ ไปทำความชั่วต่างๆ เช่นผิดครรลองคลองธรรม ผิดจารีตประเพณี ผิดกฎหมาย จะมีความสำรวมกาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อยเป็นที่น่าเคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป และเป็นตัวอย่างที่ดีของพระภิกษุ สามเณร ท่านเหล่านั้นจะอยู่อย่างมีความสุข เพราะมีหิริ โอตตัปปะ ธรรมที่คุ้มครองโลกอยู่ในใจ  จะตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตนเอง และพระพุทธศาสนาสืบไป

          กรณี ข้าราชการ แพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ ครู อาจารย์ นักการเมือง พ่อค้า ประชาชนทั่วไป ถ้าขาดหิริ โอตตัปปะ ก็สามารถคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ทุจริตคดโกง แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง  มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ลุ่มหลงมัวเมา ในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข โดยไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป ทำผิดคิดชั่วได้ทุกเวลา ในที่สุดก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ ตามกรรมชั่วที่ได้กระทำไว้นั้น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ถูกให้ออก ไล่ออกจากราชการ และยังต้องถูกดำเนินคดี  ติดคุกติดตะราง ตามกฎหมายบ้านเมือง ได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อนทั้งตนเองและครอบครัว  เพราะขาดหิริ โอตตัปปะ เป็นธรรมที่คุ้มครองใจ  ดังข้าราชการหรือนักการเมืองบางคนที่ได้รับโทษ และปรากฏอยู่ในสังคมไทยในปัจจุบัน

          สำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ขาดคุณธรรม คือขาดหิริ โอตตัปปะประจำใจ ไม่มีความละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป ประพฤติตนเป็นคนเกเร ไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน คบเพื่อนชั่ว มั่วอบายมุข เสพยาเสพติด   มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ไม่เคารพนับถือพ่อแม่ ครู อาจารย์ ทำผิดคิดชั่วได้ทุกอย่าง โดยไม่คำนึงถึงบาป บุญ คุณ โทษที่จะเกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น ในที่สุดก็จะเป็นคนไม่มีอนาคต ติดคุกติดตะราง นำความเสื่อมเสียมาให้พ่อแม่วงศ์ตระกูล นี่คือนักเรียน นักศึกษาที่ขาดคุณธรรมที่คุ้มครองใจ คือขาดหิริ โอตตัปปะ  ไม่มีความละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป

          เพราะฉะนั้น พระภิกษุ สามเณร ข้าราชการ แพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ ครู อาจารย์ นักการเมือง นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชนทั่วไป และผู้ที่เรียกว่าตนเองว่านักปฏิบัติธรรม รวมทั้งพุทธศาสนิกชน อุบาสก อุบาสิกา ทุกชั้นวรรณะ ทุกเพศ ทุกวัย
ถ้าทุกคนในบ้าน ในหมู่บ้าน ในตำบล  อำเภอ  จังหวัด ในประเทศ และในโลกนี้  มีธรรมที่คุ้มครองใจ  คือหิริ โอตตัปปะ ความละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป  ทุกคนในโลกนี้ก็จะอยู่อย่างสงบสุขถ้วนหน้า  เพราะมีธรรมทั้งสองประการนี้ เป็นคุณธรรมที่คุ้มครองโลก

view

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 ติดต่อเรา

view