คนที่อยู่เฉย ๆ เรียกว่า เป็นคนดีได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
คนที่อยู่เฉย ๆ ในที่นี้ หมายถึงจิตไม่ได้คิดอะไร วาจาไม่ได้พูดอะไร กายก็ไม่ได้ประกอบกรรมใด ๆ ท่านทั้งหลายยังเข้าใจผิดกันอยู่อีกมาก ว่าการอยู่เฉย ๆ ไม่ทำความดี ไม่ทำความชั่ว ถือว่าเป็นคนดีแล้ว เราลองมาพิจารณา ไตร่ตรองดูว่า แท้ที่จริงแล้ว คนจะดีได้ก็ต่อเมื่อทำความดี คนจะชั่วได้ก็ต่อเมื่อทำความชั่ว ตัวอย่างเช่น
นายดี คิดไว้ว่าจะทำอาหารไว้ใส่บาตร กับพระภิกษุ สามเณร ในตอนเช้า นายดีก็ปรารภขึ้นว่าจะหาอาหารมาไว้ใส่บาตร จึงได้ลงมือเตรียมอาหาร เครื่องปรุง ผัก ผลไม้ มาประกอบเป็นอาหารอย่างดี แล้วนำอาหารไปใส่บาตรกับพระภิกษุ สามเณร ดังที่ตั้งใจไว้ ถือว่านาย
ส่วนนายชั่ว เกิดความโลภคิดอยากได้ของผู้อื่น จึงปรารภว่า จะต้องไปเอามาเป็นของตนให้ได้ จึงไปลักขโมยของผู้อื่นมาดังที่ตั้งใจไว้ ซึ่งการกระทำของนายชั่วผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม นำความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น ถือว่านายชั่ว คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นคนชั่วในขณะนั้น
ส่วนนาย
ท่านลองพิจารณาดูว่า เรามีอาหารกินในวันนี้ ไม่หาเตรียมไว้ในวันต่อไป แล้วเราจะได้กินอะไร เปรียบเหมือนกับคนที่มีความสุข สนุกสบายในชาตินี้ เพราะได้ทำความดีมาในชาติก่อน แต่ชาตินี้ไม่สร้างกรรมดีเอาไว้ จะเอาความดีที่ไหนติดตัวตามตนไปใช้ในชาติหน้า หรือชาติต่อ ๆ ไป เพราะฉะนั้น นายดี นายชั่ว และนายเฉย จะมีชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกันทั้งชาตินี้ และชาติหน้า อย่างแน่นอน
เราเป็นใคร มาจากไหน กำลังทำอะไร และจะไปไหน
เราเป็นใคร หมายความว่า เราเป็นคนคนหนึ่งที่เกิดมาแล้วเป็นตัวเป็นตนซึ่งประกอบไปด้วยธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อาการ ๓๒ ที่เรียกว่า มนุษย์ และมีการสมมุติชื่อ เพื่อให้รู้ว่า คนนั้นชื่อ ก. คนนี้ชื่อ ข. เกิดที่ไหน มีพ่อแม่ชื่ออะไร อยู่แห่งหนตำบลใด นี่คือความหมายของคำว่า เราเป็นใคร
มาจากไหน มาจากกฎแห่งกรรมในอดีตชาติ คือทำดี เรียกว่า กรรมดี ทำชั่ว เรียกว่า กรรมชั่ว กรรมดี กรรมชั่ว ส่งผลให้เรามาเกิดในชาตินี้ เช่น ใครมีศีลมามาก ในชาติก่อน เกิดมาชาตินี้จะเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ใครให้ทานมามากในชาติก่อน เกิดมาชาตินี้จะเป็นคนร่ำรวย ใครศึกษาพระธรรมและเจริญสมาธิวิปัสสนามากในชาติก่อน เกิดมาในชาตินี้จะเป็นคนที่มีปัญญาดี
ตรงกันข้าม กับผู้ที่มีศีลมาน้อยในชาติก่อน เกิดมาชาตินี้ก็จะมีรูปร่างหน้าตาไม่สวยงาม ผู้ที่ให้ทานมาน้อยในชาติก่อน เกิดมาชาตินี้จะยากจน ใครศึกษาพระธรรมเจริญสมาธิวิปัสสนามาน้อย เกิดมาชาตินี้จะมีปัญญาน้อย นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งความดีหรือความชั่วที่มนุษย์กระทำ ยังมีอีกมากมายหลายอย่าง เพราะฉะนั้น ใครทำความชั่วมามากในชาติก่อน เกิดมาชาตินี้ก็จะมีความทุกข์มาก ใครทำความดีมามากในชาติก่อน เกิดมาชาตินี้ก็จะมีความสุขมาก ดังจะเห็นได้ว่า มนุษย์เกิดมามีความทุกข์ ความสุขแตกต่างกัน เพราะกฎแห่งกรรม นี่คือความหมายของคำว่า มาจากไหน
กำลังทำอะไร คือ กำลังทำความดี หรือกำลังทำความชั่ว การทำความดี หมายถึง คิดดี พูดดี ทำดี ใช้ชีวิตประจำวันที่ถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดครรลองครองธรรม ไม่ผิดจารีตประเพณี ทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ให้เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น ตลอดทั้งสังคม และประเทศชาติบ้านเมือง
การทำความชั่วหมายถึง คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย ผิดครรลองครองธรรมผิดจารีตประเพณี ทำแต่สิ่งที่เป็นโทษกับตนเอง และผู้อื่น ตลอดทั้งสังคมและประเทศชาติบ้านเมือง นี่คือความหมายของคำว่า กำลังทำอะไร
จะไปไหน หมายถึง เมื่อตายแล้ว ถ้าทำชั่วไว้มากเกินกว่าที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็จะไปเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ถ้าทำชั่วบ้าง ทำดีบ้าง ก็จะเกิดเป็นมนุษย์ จะได้รับความทุกข์หรือความสุขขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำไว้ ถ้าทำความดีมากเกินกว่าจะเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะไปเกิดบนสวรรค์ ซึ่งสวรรค์ก็มีอยู่หลายชั้นด้วยกัน ส่วนจะไปเกิดชั้นใดก็ขึ้นอยู่กับความดีมากน้อยต่างกัน ถ้าทำความดีไว้มากเกินกว่าจะไปเกิดบนสวรรค์ หมายถึง ผู้ที่ชำระกิเลสทั้ง ๓ อย่าง คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ จนกระทั่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็จะส่งผลให้เข้าสู่นิพพาน ซึ่งเป็นสถานที่มีความสุขชั่วนิจนิรันดร ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป นี่คือ ความหมายของคำว่า จะไปไหน
ขอท่านทั้งหลายจงสำรวจดูตัวท่านเองว่า ท่านเป็นใคร มาจากไหน กำลังทำอะไร และจะไปไหน ในชาตินี้ ท่านจะเปลี่ยนแปลงจากความเป็นมนุษย์ไม่ได้แล้วเพราะท่านทำทุกอย่างของท่านมาเอง แต่ท่านสามารถเป็นผู้เปลี่ยนแปลงตัวท่านเองได้ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร ที่ไหน ในชาติหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำกรรมดี กรรมชั่วของท่านเอง