สิ่งที่มีมาก ทำให้น้อยลง
ก่อนอื่นแม่ต้องขอขอบใจ ลูก ๆ ที่สนใจใฝ่รู้เรื่องธรรมะ และมีความตั้งใจจริงที่จะศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากลูกมีข้อสงสัยหรือมีคำถามใด ๆ ที่ลูกไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องธรรมะ แม่ยินดีที่จะตอบ เท่าที่ความรู้ที่แม่มี จากประสบการณ์ และการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพุทธองค์ มานาน ๓๐ กว่าปี
แม่ขอให้ลูกทำความเข้าใจ ความหมายของ คำว่า “สิ่งที่มีมาก” ซึ่งในที่นี้ คือ กิเลส อันได้แก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ถ้าลูกมี ความโลภมาก ลูกก็ทุกข์มาก พระพุทธเจ้าตรัสรู้แจ้งเห็นจริงว่า มนุษย์มีความทุกข์เพราะมี กิเลสทั้ง ๓ อย่างนี้ ซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต แต่ละคนมี กิเลสทั้ง ๓ อย่างนี้ ไม่เท่ากัน บางคนมี ความหลงมาก ก็แสดงให้เห็นว่ามีความรักใคร่พอใจในสิ่งต่าง ๆ ลุ่มหลงมัวเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หลงในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ ยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นของตน ถ้าสิ่งที่ตนรักต้องมีอันพลัดพรากจากกัน ก็จะเสียใจมากถึงกับจะตายตามกันไปก็มี นี่คือ มีความหลงมาก ลูกต้องทำให้น้อยลง คือให้ลูกพิจารณาไตร่ตรองให้ดีว่า สิ่งต่าง ๆ ที่ลูก ยึดมั่นถือมั่นอยู่นั้น เป็นของลูกจริงหรือ เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง สามี ภรรยา ลูกหลาน หรือ ทรัพย์สมบัติ ยศถาบรรดาศักดิ์ ล้วนเป็นของนอกกายทั้งสิ้น ลูกลองพิจารณาให้ดีซิว่า ทุกคนต้องตาย แล้วคนที่ตายเขาเอาอะไรไปได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง สามี ภรรยา ลูก หลาน หรือมีทรัพย์สมบัติมากมาย มียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่งเพียงใด มีชื่อเสียงโด่งดัง หรือแม้แต่มีประเทศเป็นของตนเอง (เช่น พระเจ้าแผ่นดิน) ท่านสวรรคตไปกี่พระองค์แล้ว และมนุษย์ที่เหมือนกันกับเรา ตายไปแล้วนับไม่ถ้วน เขาเหล่านั้นเอาอะไรติดตัวไปได้บ้าง เกิดมาแต่ตัวก็ไปแต่ตัว ดังที่ลูกเห็นด้วยตาของลูกเองไม่ใช่หรือ แล้วลูกจะมัวมาหลงยึดถือ ให้เกิดทุกข์ทำไม เมื่อลูกต้องการจะให้ทุกข์ที่เกิดจาก ความหลง น้อยลง ลูกก็ต้องลดความรักในสิ่งนั้น ถ้าลูกรักใคร่พอใจในสิ่งใดมาก ลูกก็ต้องพิจารณาให้เห็นทุกข์กับสิ่งนั้น แล้วลดความรักใคร่พอใจในสิ่งนั้นลง วันละเล็ก วันละน้อย ไปเรื่อย ๆ ทุกข์ที่ลูกมีอยู่กับ สิ่งนั้น ๆ ก็จะลดน้อยลง เมื่อรักน้อยก็ทุกข์น้อย รักมากก็ทุกข์มาก นี่คือ สัจธรรม
ขณะเดีวกันเมื่อมี ความหลง ก็ต้องมี ความโลภ ตามมา เป็นธรรมดาของมนุษย์ ที่มี กิเลส เมื่อมีความพอใจรักใคร่ในสิ่งใด ก็ต้องการสิ่งนั้นมาเป็นของตนให้มากขึ้น ไม่มีที่สิ้นสุด เช่น ลูกมีเงินหนึ่งล้านบาท ก็อยากได้ สิบล้าน ร้อยล้าน หมื่นล้าน ลูกมีบ้านหลังเดียว ไม่มีเมืองพอ ก็อยากได้อีกเป็น สองหลัง สามหลัง สี่หลัง ห้าหลัง ลูกมีภรรยาหรือสามีเพียงคนเดียว ก็ไม่พอใจ ก็หาคู่เพิ่มอีกเป็นสองคน สามคน ลูกมีรถยนต์หนึ่งคันไม่พอ ก็อยากได้อีก สองคัน สามคัน อย่างนี้เป็นต้น นี่คืออาการของกิเลสที่ชื่อว่า ความโลภ ถ้าลูกได้ตามต้องการก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้ตามที่ปรารถนา กิเลสอีกข้อหนึ่งก็จะแสดงอาการให้เห็น คือ ความโกรธ จะต้องหาทางที่จะให้ได้สิ่งนั้นมาเป็นของลูก ก็จะเกิดการคิดชั่วขึ้น เช่น หลอกลวง จี้ปล้น ลักขโมย เป็นต้น หรือถ้าเมื่อได้มาเป็นของลูกแล้ว ก็เกิด ความหลง ลูกก็จะยึดมั่นถือมั่น เมื่อเกิดการสูญหายหรือมีคนมาขโมยไป ลูกก็จะเกิด ความโกรธ คิดอาฆาตพยาบาทเกิดขึ้น เศร้าโศกเสียใจ ล้วนแล้วแต่สร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นกับตัวของลูกเอง และผู้อื่นทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น เมื่อลูกเข้าใจแล้วว่า กิเลสทั้ง ๓ อย่างนี้ คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เมื่อมีอยู่มากมาย ลูกก็เป็นทุกข์มากแน่นอน พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ท่านตรัสสอนให้มนุษย์ชำระ กิเลสทั้ง ๓ อย่างนี้ ให้น้อยลง เพื่อจะได้มีความสุขบ้าง นี่คือความหมายของคำว่า “สิ่งที่มีอยู่มาก ทำให้น้อยลง” ( คือการชำระกิเลส นั้นเอง )
สิ่งใดที่มีอยู่ ทำให้หมดไป
ส่วน คำว่า “สิ่งใดที่มีอยู่ทำให้หมดไป” ในที่นี้หมายความว่า ไม่ให้ยึดมั่น ถือมั่นในตัวตนของเรา ของเขา กับสิ่งที่ลูกมี เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ท่านตรัสสอนให้พิจารณาโลกธรรม ๘ คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ ก็มีนินทา มีสุข ก็ต้องมีทุกข์เป็นของคู่กัน พระองค์ท่านมิให้เราคิดว่า เรามีสิ่งเหล่านี้แล้ว จะทำให้เราเป็นผู้วิเศษ เหนือผู้อื่น จะไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายก็ไม่ใช่ อันที่จริงมนุษย์เกิดมาแล้วต้องตายกันทุกคน จะมีทรัพย์มาก มียศสูง มีคนสรรเสริญมาก จะมีความสุขสบายมาก เพียงใด ก็หนีไม่พ้นความตาย ตายแล้วจะเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้เลย การที่ลูกมีความสุข เพราะพอใจในสิ่งใด ๆ ก็ตาม สิ่งนั้นก็ทำให้เกิดความทุกข์ทันที หรือถ้าลูกเกิดความไม่พอใจในสิ่งใด ๆ ขึ้น พอโกรธกัน เกลียดกัน ก็บอกว่าเป็นทุกข์ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสสอนไว้ว่า "เกิดมาเป็นมนุษย์มีแต่ความทุกข์ทั้งสิ้น" เริ่มตั้งแต่มีตัวตน ที่ประกอบไปด้วย ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ และสิ่ง อื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ล้วนแล้วแต่ทำให้ลูกเป็นทุกข์ทั้งสิ้น เมื่อเห็นดังนี้แล้ว ก็ค่อยคลายความรักใคร่พอใจ ในสิ่งต่าง ๆ ทุกข์ที่มีก็จะคลายลง ความสบายใจก็จะตามมา เมื่อลูกคลายความ ยึดมั่นถือมั่น ในลาภยศ สรรเสริญ สุข ในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่อยู่ในใจของลูกลงได้ ความทุกข์ก็น้อยลง เมื่อลูกคิดได้ปลงตก ตามพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังที่พระองค์ท่านทิ้งพระโอรส ทิ้งพระมเหสี พระราชบิดา พระราชมารดา และทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลออกบวช เพราะพระองค์ท่านเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ทั้งสิ้น พระองค์ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ ที่มี พระองค์ทรงปฏิบัติจนสำเร็จมรรคผล ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระองค์ท่านทำ “สิ่งที่มีอยู่ให้หมดไป” ลูกเป็นชาวพุทธก็น่าจะปฏิบัติตาม พระองค์ท่านอย่างจริงจัง จริงใจ และต่อเนื่อง เพื่อเข้าสู่แดนวิมุตหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด นี่คือ ความหมายของคำว่า “สิ่งใดที่มีอยู่ทำให้หมดไป”
แม่หวังว่าลูกคงเข้าใจ ความหมาย ของคำว่า “สิ่งที่มีมากทำให้น้อยลง สิ่งที่มีอยู่ทำให้หมดไป” อย่างถ่องแท้ ท้ายนี้แม่ขออัญเชิญคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และ เทพเทวาทั้งหลาย จงปกปักรักษาลูก ๆ ของแม่ ให้มีความสุขความเจริญ ปรารถนาสิ่งใด ในสิ่งที่ถูกต้อง ตามครรลองคลองธรรม ขอให้สมความ มุ่งมาดปรารถนาทุกประการ และแม่ขอให้ลูกของแม่มี มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ มีปัญญาอันเป็นเลิศ มีดวงตาเห็นธรรม ปฏิบัติสำเร็จมรรคผลนิพพาน เข้าสู่แดนวิมุตหลุดพ้น ในชาติปัจจุบันนี้กันทุก ๆ คน...นะลูกนะ...