คุณของรัตนะ ๓ หมายความว่าอย่างไร
๑. คุณของพระพุทธ หมายถึง คุณของพระพุทธเจ้า ซึ่งตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เองก่อน แล้วทรงสั่งสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม
๒. คุณของพระธรรม หมายถึง คุณของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้ใดปฏิบัติตาม พระธรรมย่อมรักษา กาย วาจา ใจ ของผู้นั้น ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว
๓. คุณของพระสงฆ์ หมายถึงคุณของพระสงฆ์ ที่ปฏิบัติปฏิบัติชอบ ตามพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า จนรู้แจ้งเห็นจริงแล้วสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม
๑. คุณของพระพุทธ หมายถึง คุณของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง แล้วทรงสั่งสอนผู้อื่นให้รู้ตาม พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ต่อมวลมนุษย์ และสัตว์โลกทั้งหลาย ทรงสั่งสอนให้มนุษย์รู้ถึง สัจธรรม คือความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ เช่น ทรงสอนเรื่อง อริยสัจสี่ อันมี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
สมุทัย คือ เหตุของการเกิดทุกข์ อันมี กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ )
นิโรธ คือ ความที่ตัณหาดับ ดับสิ้นไปโดยไม่เหลือ หมายถึงการชำระกิเลส ให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ
มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความดับทุกข์ได้จริง
มรรค มีองค์แปด ดังนี้
๑. สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ หมายถึงมีสติปัญญาดี เห็นกิเลส คือความโลภ ความโกรธความหลง เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต จึงหาทางชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ โดยนำพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า มาพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง
๒. สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง คิดที่จะชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ เช่น คิดออกจากกามคุณทั้ง ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ไม่ลุ่มหลงมัวเมาในกามคุณทั้ง ๕
๓. สัมมาวาจา คือ วาจาชอบ หมายถึง พูดแต่เรื่องที่ดี มีประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่น ไม่พูดปกหลอกลวง ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ เป็นต้น
๔. สัมมากัมมันตะ คือการงานชอบ หมายถึง การประกอบการงานที่สุจริต ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดครรลองคลองธรรม ไม่ผิดจารีตประเพณี
๕. สัมมาอาชีวะ คือ การเลี้ยงชีพชอบ หมายถึง เลี้ยงชีพด้วยความบริสุทธิ์ คือปัจจัยสี่ มีอาหาร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ต้องได้มาด้วยความสุจริต ไม่ไปทุจริตคดโกง ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ทำผิดครรลองคลองธรรม ไม่ทำผิดจารีตประเพณี
๖. สัมมาวายามะ คือความเพียรชอบ หมายถึง มีความเพียรพยายาม ที่จะชำระกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้หมดไปทีละเล็กทีละน้อย ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ก็ไม่ย่อท้อ พยายามอดทน ต่อสู้กับกิเลส จนกว่าจะหมดสิ้นไปจากจิตใจ ในชาตินี้ หรือชาติต่อ ๆไป
๗. สัมมาสติ คือ ความระลึกชอบ หมายถึง มีสติระลึกได้อยู่ตลอดเวลาว่า จิตกำลังคิดอะไรอยู่ ผิดหรือถูก ชั่วหรือดี เมื่อจิตถูกกิเลสครอบงำ ก็ใช้ปัญญามาพิจารณาให้จิตหลุดพ้นจากกิเลส
๘. สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งใจชอบ หมายถึง ความตั้งใจมั่นที่จะชำระกิเลส มอบกายถวายชีวิต เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ถึงแม้จะมีอุปสรรคใด ๆ มาขัดขวางก็ไม่ยอมย่อท้อ คิดแต่จะชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ
ข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความดับทุกข์ได้จริงนี้ เรียกว่า อริยสัจสี่ นี่เป็นเพียงตัวอย่างคำสอนบทหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมีทั้งหมดถึง ๘๔,๐๐๐ บท ที่พุทธศาสนิกชนจะต้องศึกษาค้นคว้ากันอีกต่อไป นี่คือคุณของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ ต่อมวลมนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลาย เพราะฉะนั้นผู้ใดสามารถประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระองค์ท่าน จนสามารถชำระกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลงให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ เข้าสู่แดนวิมุตหลุดพ้น (พระนิพพาน) ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป นี่คือคุณของพระพุทธเจ้า
๒. คุณของพระธรรม หมายถึง คุณของพระธรรม พระวินัย ซึ่งเป็นคำสอนของพระผู้มี
พระภาคเจ้า ที่ได้ตรัสสอนให้มนุษย์ละชั่ว ประพฤติดี และชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสทั้ง ๓ อย่าง คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ผู้ใดประพฤติปฏิบัติตาม พระธรรมพระวินัย ซึ่งเป็นคำสอนของพระองค์ท่านได้แล้ว หมายถึง กาย วาจา ใจ สะอาดปราศจากความชั่ว ความเป็นอยู่ในชาตินี้ก็จะมีแต่ความสุข ไม่มีความทุกข์ ความเดือดร้อน ถ้าชาติหน้าไปเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็จะมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความสุขตลอดชีวิต เพราะได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน ถ้าผู้ใดประพฤติปฏิบัติตาม คือชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ เข้าสู่แดนวิมุตหลุดพ้น (พระนิพพาน) ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป นี่คือคุณของพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓. คุณของพระสงฆ์ หมายถึง ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามพระธรรม พระวินัย ซึ่งเป็นคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า นำคำสอนบท มรรค ๘ สติปัฏฐานสี่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือบทอื่น ๆ ซึ่งมีอยู่ถึง ๘๔,๐๐๐ บท มาปฏิบัติตามจนรู้แจ้งเห็นจริง สามารถชำระกิเลสที่ครอบงำจิตให้หมดสิ้นไป เป็นพระอริยสงฆ์ แล้วนำเอาความรู้แจ้งเห็นจริง ที่ได้จากผลของการปฏิบัตินั้น มาอบรมสั่งสอนผู้อื่น ให้ประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อความหลุดพ้น พระสงฆ์จึงเป็นผู้มีพระคุณต่อพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย พระพุทธศาสนาจึงยังดำรงอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะพระสงฆ์ช่วยกันเผยแผ่พระธรรม พระวินัย ซึ่งเป็นคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า นี่คือคุณของพระสงฆ์
เพราะฉะนั้น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงมีพระคุณต่อ พุทธศาสนิกชน และสัตว์โลกทั้งหลาย หรือเรียกว่า คุณของรัตนะ ๓
ความคิดเห็น