สัญญา และ วิตกวิจารณ์
นฤมล |
กราบนมัสการคุณแม่ที่เคารพ |
แม่ชีประยงค์ |
“ลูกคิดว่าตัวเอง บกพร่องในด้านสัญญา และเกิดวิตกวิจารณ์ ควรทำอย่างไร” แม่ขอตอบ ลูก นฤมล เรื่องความบกพร่องในด้านสัญญา หรือเรียกอีกอย่างก็คือสัญญาเสื่อม ดังต่อไปนี้ ก่อนอื่นลูกต้องทำความเข้าใจว่า สัญญา คืออะไร มีหน้าที่อะไร สัญญานั้นเป็นนามธรรมหนึ่งในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สัญญา (ความจำ) มีหน้าที่จำ จำอดีต จำปัจจุบัน จำทุกข์ จำสุข จำทุกอย่าง ที่มาสัมผัส เช่น ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายกระทบ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ใจเกิดอารมณ์พอใจหรือไม่พอใจ เนื่องจากสิ่งที่มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย สัญญา ( ความจำ ) บกพร่องหรือ เสื่อมได้เกิดจากเหตุ หลายประการ เช่น ๑) สัญญาเสื่อมเพราะมีอายุมาก ๒) สัญญาเสื่อมเพราะใช้สมองมากจนเกินกำลัง ( คิดมาก ) ๓) สัญญาเสื่อมเพราะสมองพิการด้วยโรคใดโรคหนึ่ง ๔) สัญญาเสื่อมเพราะจิตฟุ้งซ่าน ขาดสติควบคุมจิต ทำให้สัญญา ( ความจำ ) เลอะเลือนได้ สาเหตุดังที่กล่าวมาแล้วนี้ เป็นเหตุให้เกิดการหลงลืมได้ แม่ขอให้ลูกพิจารณาว่า ที่ สัญญาของลูกเสื่อมนั้น เป็นเพราะเหตุใด ก็ต้องรักษาตามเหตุนั้น ๆ เช่น ๑). สัญญาเสื่อมเพราะมีอายุมาก มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่สัญญา ต้องเสื่อมไปตาม กาลเวลา การรักษาทางโลก ควรใช้ยาบำรุงสมองบ้าง ส่วนทางธรรมต้องฝึกสมาธิให้มาก ๒). สัญญาเสื่อมเพราะใช้สมองมากจนเกินกำลัง ( คิดมาก ) ทางโลกควรใช้ยาบำรุงสมอง และลดการใช้สมองลง ทางธรรมควรฝึกสมาธิ คือใช้สติควบคุมจิตให้อยู่ที่ใดที่หนึ่ง เพื่อจิตจะได้สงบ ไม่ฟุ้งซ่าน สมองจะได้พักผ่อนและทำงานน้อยลง ๓). สัญญาเสื่อมเพราะสมองพิการด้วยโรคใดโรคหนึ่ง ทางโลกต้องพบแพทย์ ทำการ รักษาให้ ถูกกับโรคนั้น ๆ ส่วนทางธรรม ควรฝึกสมาธิบ่อย ๆ อาจช่วยบรรเทาอาการบางอย่าง เช่น บรรเทาอาการปวดหัวได้ ๔). สัญญาเสื่อมเพราะจิตฟุ้งซ่าน ขาดสติควบคุมจิต ทำให้สัญญา ( ความจำ ) เลอะเลือน ได้สัญญา ( ความจำ ) ในข้อนี้มนุษย์เป็นกันทุกคน เพราะ มนุษย์ทุกคนมีกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงำจิต เป็นเหตุให้เกิดความคิดตามอำนาจของกิเลส เดี๋ยวมีความโลภเกิดขึ้นเช่นอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง อยากได้ยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีที่สิ้นสุด หรือเกิดความโกรธเช่นเกิดความไม่พอใจ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วเกิดความอาฆาตพยาบาทปองร้าย ผู้อื่น หรือเกิดความหลงคือความเข้าใจผิด มีความรักใคร่พอใจในสิ่งต่าง ๆ คิดว่าได้สิ่งเหล่านั้นแล้ว จะทำให้มีความสุข แต่แท้ที่จริงแล้ว เรามีความสุข พอใจรักใคร่ในสิ่งใดแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็ทำให้เกิดความทุกข์ตามมาอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า มนุษย์มีจิตฟุ้งซ่าน ร้อนรน กระวนกระวาย เพราะจิตอยู่ใต้อำนาจของกิเลสทั้ง ๓ อย่าง ดังที่กล่าวมาแล้วนี้ จึงเป็นเหตุที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่ทำให้สัญญาเสื่อม ต้องรักษาด้วยพระธรรมคำสอน ของ องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการนำคำสอนมาพิจารณาให้เห็นความจริง ที่เรียกว่า “สัจธรรม” เช่น บทสอน เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจัง คือความไม่เที่ยง เราจะเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตัวของเรา เป็นต้น ทุกขัง คือความทุกข์ ที่เกิดจากการที่เรามีทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงตัวตนของเรา ซึ่งเป็นเหตุของการเกิดทุกข์ทั้งสิ้น อนัตตา คือความสูญเปล่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ แม้แต่ตัวตนของเรา ก็ต้องสูญสลายไปตามกาลเวลา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอน ไม่ให้ลุ่มหลง มัวเมา ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็นของเรา เพราะเมื่อทุกคนตายไปแล้ว ไม่ได้อะไรติดตัวไปได้เลย นอกจากความดี และความชั่ว เท่านั้น ที่จะติดตัวตามตนไปทุกภพทุกชาติ นี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ยังมีคำสอนอีกมากมายที่สามารถนำมาพิจารณา ให้เห็นเป็นความจริง เช่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือบทที่ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป เป็นต้น และยังต้องสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นกับ กาย วาจา ใจ เช่น ต้องมีสติ สัมปชัญญะ ( ระลึกได้และรู้ตัว ), ต้องมี หิริ โอตตัปปะ ( ละอายต่อบาป และเกรงกลัวต่อบาป ) , ต้องมี ขันติ โสรัจจะ ( อดทนและสงบเสงี่ยม ) เป็นต้น เพื่อจะได้เป็นอาวุธ ใช้ต่อสู้กับกิเลสทั้ง ๓ อย่าง ให้ลดลง และหมดสิ้นไปจากจิตใจ เมื่อได้ศึกษาและปฏิบัติตามมีสติปัญญาดีแล้ว จิตใจก็จะคลายความทุกข์ลง จิตใจจะลดความฟุ้งซ่าน ร้อนรนกระวนกระวายใจลง นี้คือการรักษาสัญญาที่เสื่อมเพราะเหตุจากจิตใจเป็นทาสของกิเลส และต้องรักษาต่อไป โดยการฝึกสมาธิและวิปัสสนาต่อไป โรคสัญญาเสื่อมก็จะหายไปในที่สุด ส่วนเรื่อง วิตก วิจารณ์จะแก้ไขอย่างไร ก่อนอื่นลูกต้องเข้าคำว่า วิตก วิจารณ์ ให้ดีเสียก่อน วิตก หมายถึง จิตมีความกังวลอยู่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นเวลานาน ๆ คิดซ้ำซากอยู่เรื่องเดียว เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ใจ เป็นอย่างมาก หาทางออกไม่ได้ วิจารณ์ หมายถึง จิตที่ตรึกตรองในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่จิตวิตกกังวล ให้พ้นจากความทุกข์ ในเรื่องนั้น ๆ ต้องนำคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาช่วยพิจารณา เช่นวิตกเรื่องลูก ที่มีความประพฤติไม่ดี ไม่สนใจการเรียน คบเพื่อนชั่วมั่วสุม เล่นการพนัน ดื่มสุราเสพยาเสพติด มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นนักเลงอันธพาล ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำผิดศีล ผิดธรรม ผิดวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณี ด้วยความรักลูกพ่อแม่ต้องการให้ลุกเป็นคนดี ให้การศึกษาที่ดี คอยตักเตือน อบรมสั่งสอนอยู่ตลอดเวลา แต่ลูกก็ไม่เชื่อฟัง ทำให้พ่อแม่มีความวิตกกังวล มีความทุกข์มาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ดังนั้น ควรศึกษาพระธรรมคำสอนของ พระพุทธองค์ นำมาพิจารณาให้เห็นตามพระองค์ท่าน ดังมีคำสอนที่ว่า พ่อแม่ เป็นเพียงผู้ให้กำเนิดลูกเท่านั้น ส่วนลูกของเราจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว จะร่ำรวยหรือยากจน จะสวยหรือไม่สวย จะโง่หรือฉลาด จะประสพความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิต ขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรมต่าง ๆ ที่ลูกเขาได้ทำไว้ในอดีตชาติ จะส่งผลให้มาเกิดในชาตินี้ แล้วก็จะเป็นไปตามกรรมดี กรรมชั่วในอดีต ไม่ใช่เป็นไปตามที่พ่อแม่ต้องการ พ่อแม่ไม่ใช่เป็นผู้กำหนดชะตากรรมของลูก ที่จะให้เป็นไปตามความต้องการของพ่อแม่ พ่อแม่มีเพียงหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู ให้การศึกษาอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี ของสังคมประเทศชาติบ้านเมือง แต่ถ้าลูกไม่สามารถเป็นคนดีได้ ก็เพราะกฎแห่งกรรมชั่วของเขาในอดีต ส่งผลให้เขาเป็นคนชั่วในชาตินี้ ถึงแม้จะมีพ่อแม่ที่เป็นคนดี เลี้ยงดูและคอยตักเตือนอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดีก็ตาม ดังนั้น ให้พิจารณาต่อไปอีกว่า พ่อแม่ได้เคยทำ กรรมไม่ดีมาจากอดีตชาติ จึงส่งผลให้มีลูกไม่ดีในชาตินี้ ตรงข้ามลูกบางคน ถึงแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี มีพ่อแม่ประพฤติตัวไม่ดี ไม่เอาใจใส่ ไม่สนใจดูแล อบรมสั่งสอน แต่ลูกกลับเป็นคนดี มีความประพฤติเรียบร้อยตามวัฒนธรรมและจารีตประเพณีไทย ตั้งใจเรียน ไม่เกเร ไม่มั่วสุม เล่นการพนัน ไม่ดื่มสุรา เสพยาเสพติด เป็นคนดี มีศีล มีธรรม ช่วยเหลืองานและอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่ มีความกตัญญู กตเวที รู้จักบุญคุณแล้วตอบแทนพระคุณ เพราะกรรมดีที่เขาสร้างมาในอดีตชาติ ส่งผลให้เขาเป็นคนดีในชาตินี้ ดังนั้นให้พิจารณาต่อไปอีกว่า พ่อแม่เคยทำกรรมดีมาจากอดีตชาติ จึงส่งผลให้มีลูกดีในชาตินี้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่า มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่มีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม กรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ดังที่พระพุทธองค์ ได้ตรัสสอนไว้ว่า “ ใครทำกรรมอันใดไว้ จะเป็นบุญหรือเป็นบาป จักต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป ” พ่อแม่ต้องยอมรับความจริง ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอน พ่อแม่ไม่สามารถจะกำหนดชะตากรรมของลูกได้เลย เป็นเพียงผู้ให้กำเนิด อุปการะเลี้ยงดู ให้การศึกษา อบรมสั่งสอน ให้เป็นคนดี มีศีล มีธรรม ในเมื่อวิจารณ์ ด้วยการพิจารณาตรึกตรอง ใคร่ครวญได้ดังนี้แล้ว ความทุกข์เรื่องลูกก็จะคลายลง นี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ส่วนวิตก วิจารณ์ในเรื่องอื่น ๆ ให้พิจารณาเห็นความจริง ในเรื่องนั้น ๆ แล้ววิตก วิจารณ์ก็จะหายไปในที่สุด วันนี้แม่ขอตอบลูกนฤมล เพียงเท่านี้ก่อน หากลูกมีความสงสัยในเรื่องใด ขอให้สอบถามเพิ่มเติมได้อีก แม่ยินดีที่จะตอบและอธิบายให้ลูกเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อไป ท้ายนี้แม่ขออัญเชิญ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และเทพเทวาทั้งหลาย จงปกปักรักษา ลูก ๆ ของแม่ ให้มีความสุข ความเจริญ พ้นจากทุกข์ภัยไข้เจ็บ และอันตรายต่าง ๆ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ลูกปรารถนาสิ่งใดในสิ่งที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ขอให้สมความมุ่งมาดปรารถนาทุกประการ ขอให้ลูกมีมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ ขอให้ลูก มีปัญญาอันเป็นเลิศ มีดวงตาเห็นธรรม ปฏิบัติจนสำเร็จมรรคผลนิพพาน เข้าสู่แดนวิมุต หลุดพ้นในชาตินี้ด้วยกัน...ทุก ๆ คน...นะลูกนะ... |
นฤมล |
กราบขอบพระคุณคุณแม่มากคะ |